ถือเป็นอีกตำนานของ "คนการเมือง" ที่หาได้น้อยมาก เมื่อ "พ่อ" กับ "ลูก" ที่เป็นถึงรัฐมนตรี ได้เซ็นเอกสารในเรื่องเดียวกัน เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ซึ่งเรื่องราวเช่นนี้ ต้องใช้เวลาถึง 40 ปี เราถึงได้เห็น
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับครอบครัว "ศิลปอาชา" ที่ครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2523 นายบรรหาร ศิลปอาชา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ในขณะนั้น) ซึ่งกำกับดูแล "กรมป่าไม้" ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอนำเรื่อง "การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้" ในทุกกรณีของส่วนราชการ ทั้งพลเรือนและทหาร ต้องแจ้งให้กรมป่าไม้ทราบ เพื่อจะได้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ก่อนจะประมวลเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสั่งการอนุมัติให้ใช้พื้นที่โดยถูกต้องต่อไป
สำหรับกรมป่าไม้นั้น ในปี 2547 มีการย้ายมาสังกัด "กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ที่มี นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา นายวราวุธ ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอนำเรื่อง "การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2523 ในกรณีที่ปรากฏว่า ยังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต" ซึ่งถือเป็นเรื่องเดียวกัน และต้องใช้เวลาถึง 40 ปี ที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแล "กรมป่าไม้" จะเซ็น "เรื่องเดียวกัน" เข้า ครม. เป็นคนนามสกุลเดียวกันคือ "ศิลปอาชา" และที่น่าแปลกใจคือ ในปี 2523 ที่นายบรรหาร ศิลปาอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายคนเล็ก ยังมีอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น
ในเรื่องนี้ นายวราวุธ หรือ "รัฐมนตรีท็อป" ได้เผยความในใจผ่านคนใกล้ชิด และส่งผ่านมายัง "เดลินิวส์ออนไลน์" ว่า "40 ปีผ่านไป ผมมาเซ็นเอกสารเข้าครม. เรื่องเดียวกับที่พ่อเคยเซ็นถึงนายกรัฐมนตรี สมัยที่พ่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่คุมกรมป่าไม้ เลยภูมิใจจริงๆๆ ครับ"
นอกจากนี้ นายวราวุธ ยังเอ่ยถึงความภูมิใจอีกเรื่องที่สำคัญ เวลาเดินทางมาประชุม ครม. ทุกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาลว่า "ทุกครั้งที่มาประชุม ครม. ผมจะต้องเดินไปถ่ายรูปคู่กับ 'คุณพ่อ' ที่ติดไว้ในฐานะนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ทุกครั้ง เพื่อเก็บไว้ในความทรงจำ เพราะไม่ได้เกิดบ่อยครั้ง ที่ผู้พ่อจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเวลาต่อมา ลูกจะเป็นรัฐมนตรี ต้องมาประชุมในสถานที่ที่พ่อเคยเป็นผู้นำประเทศ ผ่านมาถึงตอนนี้ ผมได้ทราบแล้วว่า ความใส่ใจในการลงรายละเอียดของเนื้องานที่ 'พ่อบรรหาร' ทำไว้นั้นเป็นอย่างไร เพราะทุกวันนี้ผมก็ยึดตามเจตนารมณ์และเดินตามแนวทางการทำงานของคุณพ่อ ทั้งการศึกษางาน ลงรายละเอียด และตรวจสอบความพร้อมที่ต้องได้มาตรฐาน และจะไม่ปล่อยให้ผ่านไป โดยทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายเด็ดขาด"
June 25, 2020 at 11:56AM
https://ift.tt/3i7gNyD
ตำนานคนตระกูล'ศิลปอาชา' ความภูมิใจจากลูกชายถึงพ่อ - เดลีนีวส์
https://ift.tt/2zlCrwM
Home To Blog
No comments:
Post a Comment