Pages

Thursday, June 11, 2020

จะทำประเทศถดถอยไปถึงไหน? - ไทยรัฐ

gayakabar.blogspot.com

คุณปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย แถลงผลประชุมของ กกร. 3 สถาบันเอกชนไทย คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 63 จะหดตัว -5% ถึง -3% การส่งออกจะหดตัว -10% ถึง -5% เรียกร้องให้รัฐบาล เร่ง ผลักดันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 5 แสนล้านบาทไปถึงมือเอสเอ็มอีโดยเร็ว ก่อนที่จะขาดใจตายเสียก่อน และ สนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเจรจาในข้อตกลง CPTPP เดือนสิงหาคมนี้ จะได้เห็นผลดีผลเสียต่อการเข้าร่วมภาคี ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ ถอนข้อเสนอให้ไทยไปเจรจากับ CPTPP ออกจาก ครม.ไม่รู้จะเสนออีกเมื่อไหร่

นักการเมือง ที่กำลังทะเลาะ แย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี จะสำเหนียกกันบ้างไหม วันนี้ไม่เพียง ไวรัสโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยอย่างหนัก นักการเมือง ก็เป็นไวรัสอีกตัวที่ทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยอย่างหนักเช่นเดียวกัน

ไปดูเพื่อนบ้านกันบ้าง จันทร์ที่ 8 มิถุนายน สภาแห่งชาติเวียดนาม ลงมติท่วมท้นให้สัตยาบัน “ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม” (EVFTA) มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 63 เดือนหน้าเป็นต้นไป หลังจากที่ลงนามในเดือนมิถุนายน 62 ทำให้ เวียดนาม เป็น ประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทำข้อตกลง การค้าเสรีแบบทวิภาคีกับยุโรปต่อจาก สิงคโปร์ อ่านข่าวแล้วผมก็เป็นห่วงประเทศไทยของเรา ตลาดยุโรปของไทยอาจถูกเวียดนามชิงไปในอนาคตก็ได้ เพราะไทยเสียเปรียบไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ไม่เคยเห็นรัฐมนตรีไทยไปจับคู่เจรจากับประเทศไหน หรือ กลัวฝรั่งกันก็ไม่รู้

ธนาคารโลก คาดว่า ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม จะช่วยให้ จีดีพีเวียดนามขยายตัว 2.4% การส่งออกขยายตัว 12% ในปี 2573 ช่วยให้ประชาชนเวียดนามมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ชาวเวียดนามหลายแสนคนจะมีโอกาสหลุดพ้นจากเส้นแบ่งความยากจน ข้อตกลงดังกล่าวยังช่วยให้เวียดนามขยายตลาดสอดคล้องกับมาตรฐานของยุโรป 10 ปีจากนี้กำแพงภาษีเวียดนามจะหายไปถึง 99% แล้วสินค้าไทยจะไปขายสู้เวียดนามได้อย่างไร เห็น ความฉลาด ของรัฐบาลเวียดนาม แล้วผมก็ได้แต่สงสารประเทศไทยของเราจริงๆ

ด้วยความฉลาด วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของรัฐบาลเวียดนาม ทำให้นักธุรกิจไทยที่เบื่อหน่ายการเมืองไทย ย้ายฐานจากไทยไปลงทุนในเวียดนามกันมากมาย ทำให้ ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) เงียบเหงาไปอย่างน่าเสียดาย คุณสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เพิ่งแถลงเมื่อวันอังคารว่า ได้รับข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย รายงานว่า 4 เดือนแรกปีนี้ มกราคม-เมษายน 2563 เวียดนามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ถึง 12,330 ล้านดอลลาร์ 394,000 กว่าล้านบาท รวมกว่า 980 โครงการ

ที่น่าสนใจก็คือ นักธุรกิจไทยไปลงทุนที่เวียดนามสูงเป็นอันดับ 2 จาก 93 ประเทศ ที่แห่ไปลงทุนในเวียดนามช่วง 4 เดือนแรก วงเงินลงทุน 1,455 ล้านดอลลาร์ กว่า 46,000 ล้านบาท ท่ามกลางไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาด ขณะที่การลงทุนในไทยหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง

รายงานสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศกรุงฮานอย ของกระทรวงพาณิชย์ ยังระบุด้วยว่าสินค้าแบรนด์ดังที่ย้ายฐานจากจีน ก็ไปอยู่เวียดนาม เช่น Apple ย้ายฐานผลิต AirPods ร้อยละ 30 ประมาณ 3-4 ล้านชิ้นจากจีนไปเวียดนาม และ ซัมซุง ของเกาหลีใต้ก็วางแผนย้ายการผลิตสมาร์ทโฟนบางรุ่นไปยังเวียดนาม ล่าสุด พานาโซนิค ก็ย้ายฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นจากไทยไปเวียดนาม ทำให้เวียดนามต้องการสินค้าวัตถุดิบในการผลิตและก่อสร้างมากขึ้น กระทรวงพาณิชย์จึงแนะนำผู้ประกอบการไทย ว่าเป็นโอกาส ที่จะได้เข้าร่วมเป็น ห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ของเวียดนาม

6 ปีที่แล้วเวียดนามยังไม่รู้อยู่อันดับไหน เป็นห่วงโซ่อุปทานไทยยังไม่ได้เลย เผลอแป๊บเดียว 6 ปีผ่านไป วันนี้ไทยกลายเป็นห่วงโซ่อุปทานเวียดนาม ไปเสียแล้ว

รัฐบาลและนักการเมืองไทยรู้สึกอายบ้างไหม? เวียดนามแซงหน้า ไทยอีกแล้ว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


June 12, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/2UCTYsf

จะทำประเทศถดถอยไปถึงไหน? - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2zlCrwM
Home To Blog

No comments:

Post a Comment