Pages

Saturday, June 20, 2020

ไลน์ถึงสมคิดยังไม่ ปรับ ครม. “ตู่” ระบุข่าวรายชื่อ โผ รมต.เลอะเทอะ - ไทยรัฐ

gayakabar.blogspot.com

อวย “ประวิตร” นั่ง หน.ตามวิถี ปชต.

วันเดียวกัน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พร้อม 5 ส.ส.กทม.ในนามกลุ่มสหมิตร ลงพื้นที่รับฟังเรื่องร้องเรียนประเด็นความเดือดร้อนประชาชน จากการคุกคามการก่อสร้างตึกสูงที่ก่อสร้างในซอยสุขุมวิท และซอยวังปลายเนิน เขตคลองเตย-วัฒนา โดย น.ส.วทันยาให้สัมภาษณ์ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและประธานยุทธศาสตร์พรรคที่จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า ส.ส.ทุกคนให้ความเคารพ พล.อ.ประวิตร อยู่แล้วเป็นเรื่องของมติพรรคที่มาจากการตัดสินใจของสมาชิกพรรคทั้งหมด เป็นกระบวนการประชาธิปไตยปกติ เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแล้วความขัดแย้งจะจบลงหรือไม่ น.ส.วทันยากล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าพรรคจะเดินมาสู่ความขัดแย้ง ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจากความเห็นต่างเท่านั้น ขออย่ามองว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องไม่ดี เพราะบางครั้งอาจนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนที่ดีขึ้นก็ได้

“เดียร์” ดักคอตั้ง กก.บห.ต้องยุติธรรม

เมื่อถามต่อถึงตำแหน่งในพรรคและคณะรัฐมนตรี น.ส.วทันยากล่าวว่า ส่วนตัวตนยังไม่ทราบว่าจะมีรายชื่อ อยู่ในกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพราะในวันนี้ตนมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประชาชน ยังไม่เคยพูดคุยเรื่องตำแหน่งใดๆกับผู้ใหญ่หรือผู้บริหารเลย แต่ก็เชื่อว่าทุกท่านจะให้ความยุติธรรมกับสมาชิกทุกคน ส่วนการปรับ ครม. เป็นอำนาจของนายกฯตัดสินใจ และมั่นใจนายกฯจะตัดสินเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ คิดว่าทุกคนพร้อมขับเคลื่อนทำงานเพื่อประชาชนและประเทศมากกว่าการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ เพราะประเทศยังมีปัญหาความทุกข์ร้อนประชาชนอีกมากที่ต้องได้รับการแก้ไข

เปลี่ยนแผนเทียบเชิญ “บิ๊กป้อม” ที่พรรค

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากเดิมวางกำหนดการแกนนำและ ส.ส.เดินทางไปเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรค รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร.คนใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. ขณะนี้ได้เปลี่ยนสถานที่เชิญมาเป็นที่ศูนย์ประชุม ส.ส.พรรค อาคารวัน ตรงข้ามศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกแทน เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร เกรงว่าแกนนำและ ส.ส.จะไม่สะดวกในการเดินทางเนื่องจากตรงกับช่วงเวลาที่มีการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรจึงจะขอเดินทางมารับเทียบเชิญจาก ส.ส. ด้วยตัวเองแทน ที่ศูนย์ประชุม ส.ส.พรรค หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม.จะตรงกับช่วงเวลาประชุม ส.ส.ของพรรคด้วย

พลังท้องถิ่นไทปัดขอแบ่งเค้กถ้าให้เอา

นายชื่นชอบ คงอุดม โฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคพลังท้องถิ่นไทต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ไม่เป็นความจริง พรรคไม่เคยยื่นต่อรองขอตำแหน่งตั้งแต่ต้น มาร่วมรัฐบาลโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้าการปรับ ครม.ครั้งนี้หากฝ่ายรัฐบาลเห็นว่ามีตำแหน่งเหมาะสมกับพรรคเราก็ยินดีรับ แต่ไม่เคยไปเรียกร้อง ร้องแรกแหกกระเชอขอตำแหน่ง เราเป็นพรรคที่ดีมาตั้งแต่ต้น เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะพิจารณาให้ได้รับการพิจารณา เชื่อว่าเรามีศักยภาพมากพอ ขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินใจของนายกฯจะพิจารณาตามความเหมาะสม ถ้ามีโควตากระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯว่าง พรรคมีบุคลากรที่เหมาะสมด้านนี้ หรือกระทรวงการคลังที่ตนเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีอยู่ก็เข้าใจการบริหารจัดการ แต่ถ้าเป็นตำแหน่งที่พรรคไม่ถนัดคงต้องมาหารืออีกครั้งจะรับหรือไม่

ไม่เคยให้ตั๋ว “มงคลกิตติ์” เป็น รมต.

นายชื่นชอบกล่าวว่า ที่ผ่านมาตอนตั้งรัฐบาลพรรคชาติพัฒนาและพรรคพลังท้องถิ่นไทมี 3 เสียงเท่ากัน พรรคชาติพัฒนาได้โควตารัฐมนตรี แต่เราไม่ได้ก็ไม่เคยมีปัญหา แต่วันนี้พลังท้องถิ่นไทมี 5 เสียง และมีแรงสนับสนุนอื่นที่ทำให้พรรคมีมากกว่า 5 เสียง ถือว่ามากพอที่จะเรียกร้องได้ แต่พรรคไม่เคยเรียกร้องต่อรองใดๆ ส่วนกระแสข่าวที่พรรคจะยุบไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐนั้นไม่จริง 5 เสียงที่เรามีแม้จะไม่มาก แต่ใหญ่พอจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง เราเป็นเอกเทศ รวมถึงกระแสข่าวที่พรรคเล็กจะไปสนับสนุนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นรัฐมนตรีก็ไม่จริง พรรคพลังท้องถิ่นไทมี 5 เสียง คงไม่ไปยกให้ 1 เสียง แต่มีคนพยายามเปิดประเด็นสร้างผลกระทบให้พรรค ทั้งที่เราไม่เคยไปเรียกร้องตำแหน่ง แต่ไม่ปฏิเสธหากผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะพิจารณาตำแหน่งให้ ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลส่งสัญญาณอะไรมา น่าจะเป็นหลังการเลือกกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเสร็จแล้ว ถ้ามีมาเราก็พร้อม

พลังชาติไทย–ประชานิยมยุบซบ พปชร.

พล.ต.ทรงกลด ทิพยรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชาติไทยในฐานะหัวหน้าพรรคพลังชาติไทย กล่าวว่า 11 พรรคเล็กมีการคุยกันเรื่องโควตารัฐมนตรี และสนับสนุนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้ได้โควตารัฐมนตรีในนามพรรคเล็ก แต่บางพรรคไม่เห็นด้วยก็ไม่ลงชื่อ ส่วนจะได้หรือไม่ ให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ ไม่ได้รัฐมนตรีก็ไม่เป็นไร ส่วนกระแสข่าวพรรคพลังชาติไทยจะยุบพรรคไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นเรื่องจริงถ้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯได้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ แต่ต้องรอที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังชาติไทยชี้ขาดเร็วๆนี้ คงไม่มีปัญหา เท่าที่เคยคุยกับกรรมการบริหารพรรคทุกคนไม่ขัดข้อง ให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค เพราะมีเพียงเสียงเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ การรวมพรรคไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เคยมีมาแล้ว เท่าที่ทราบยังมีพรรคประชานิยมของ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ที่จะยุบพรรคไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐด้วย

ครูไทยสู้ต่อไม่หนีตายรวมพรรคใหญ่

นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ในฐานะหัวหน้าพรรคครูไทย–เพื่อประชาชน กล่าวว่า กระแสข่าวพรรคครูไทยเพื่อประชาชน จะยุบพรรคไปรวมกับพรรคพลัง–ประชารัฐไม่เป็นความจริง พรรคครูไทยมีอุดมการณ์ของตัวเอง ไม่ไปรวมกับใคร ไม่รู้ใครปล่อยข่าว เราจะทำงานตามแนวทางเอาการศึกษานำการเมือง เพื่ออนาคตลูกหลาน จะมี ส.ส.กี่เสียงไม่สำคัญ ยอมรับว่ามีการคุยในกลุ่มพรรคเล็ก เรื่องการยุบรวมพรรค เพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันทำให้พรรคเล็กอยู่ยาก ทั้งการหาสมาชิกพรรคให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดแต่ละพื้นที่ ทุนประเดิมจัดตั้งพรรค จึงมีความคิดยุบไปรวมพรรคใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับพรรคใดจะไปหรือไม่ไป พรรคครูไทยไม่ไป ถ้าไปยุบรวมแล้วพรรคใหญ่ไม่เอานโยบายพรรคเล็กก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนเรื่องพรรคเล็กสนับสนุนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้ได้โควตารัฐมนตรีในนามพรรคเล็กนั้น เป็นสิทธิที่ทำได้ ขึ้นอยู่กับนายกฯจะให้โควตาหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

“ระวี”ตอกไม่เคยหนุน “มงคลกิตติ์”

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ประกาศว่ามีเสียงสนับสนุนให้ได้เป็นรัฐมนตรี 9 เสียง ว่า ได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับพรรคต่างๆอย่างน้อย 4 พรรคจากกลุ่ม 11 พรรคเล็ก คือ พรรคพลเมือง–ไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคประชาภิวัฒน์ รวมถึงพรรคพลังธรรมใหม่ ยืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ใน 9 เสียงที่นายมงคลกิตติ์ได้ประกาศไว้ โควตาตำแหน่งรัฐมนตรีพรรคพลังธรรมใหม่ ไม่มีความคิดจะไปต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีให้ตัวเอง เพราะรู้ตัวดีว่ามีเพียง 1 เสียง

ย้อนอดีต พธ.ปรับ ครม.แล้วพรรคเเตก

นพ.ระวีกล่าวอีกว่า ความขัดแย้งภายในพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพลังประชารัฐ ย่อมกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลแน่นอน 100% บทเรียนการปรับ ครม.ใหม่ทั้งหมดของพรรคพลังธรรมในอดีต 20 กว่าปีที่แล้ว ส่งผลให้พรรคพลังธรรมแตก หลังจากนั้น 1-2 ปี พรรคพลังธรรมก็ทรุดแยกไปคนละทิศ ถือเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ การปรับครั้งนี้ไม่ใช่แค่พรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายต้องมีคำถามไปที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีเสียงต่างกันอยู่ 8 เสียงจะได้ตำแหน่งเท่ากันเหมือนเดิมหรือไม่ พรรคชาติพัฒนามีเพียง 4 เสียงจะได้โควตาอยู่หรือไม่ พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีแค่ 5 เสียง ยังได้ รมว.แรงงานกระทรวงใหญ่ต่อหรือไม่ ส่วนพรรคพลังธรรมใหม่อยู่ที่นายกฯเลือกมา ถ้าเลือกมาดี เช่น ทีมเศรษฐกิจดูเข้าท่า ประชาชนจะได้ประโยชน์ เราจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากเลือกมาแล้วไปไม่รอด เจอเสือ สิงห์ กระทิง แรด จะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล นายกฯคงพอจะทราบอยู่ ท่านคงจะมีจุดยืนเลือกเอาผลระยะยาวต่อประเทศชาติ

“มงคลกิตติ์” ปิดปากแล้วแต่ผู้ใหญ่

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเล็กยื่นชื่อเสนอต่อรัฐบาลให้เป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรคเล็กว่า ไม่อยากแสดงความเห็นเรื่องนี้ ขอชี้แจงสั้นๆว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ของพรรคเล็กดำเนินการ สุดท้ายขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนตัวแล้วจะอยู่ตำแหน่งไหนหรือที่ใดก็ทำงานได้ และทำงานเต็มที่ ทุกวันนี้ทำงานโดยไม่รับเงินเดือนอยู่แล้ว กระแสข่าวเรื่องนี้ไม่ขอแสดงความเห็นใดๆทั้งสิ้น

“เทวัญ” ยัน “ชาติพัฒนา” ยังไปต่อ

ที่วัดวิสุทธิศรีสุมังคลาราม (วัดหนองไผ่ล้อม) อ.เมืองนครราชสีมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา พร้อมคณะ ร่วมมอบถุงน้ำใจสำหรับยังชีพแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 300 คน นายเทวัญ กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองขนาดเล็กเตรียมยุบพรรคไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อหวังผลต่อตำแหน่งรัฐมนตรี ว่า พรรคชาติพัฒนาเกิดมาในโคราช เป็นพรรคของชาวโคราช ถ้าชาวโคราชยังศรัทธาเราจะทำงานต่อไป ส่วนที่นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ระบุว่าพรรคพลังท้องถิ่นไท มี ส.ส. 5 ตำแหน่ง น่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีในการปรับ ครม.ชุดใหม่ ขณะที่พรรคชาติพัฒนามี ส.ส. เพียง 4 ตำแหน่งนั้น การได้อยู่ในตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเพียงพอแล้ว ตนไม่ทราบว่านายชัชวาลล์พูดว่าอย่างไร

“นิพนธ์” บอก ปชป.ตอนนี้ยังไม่มีอะไร

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่องนี้ยังไม่มีอะไร ในส่วนของพรรคยังไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ และพรรคประชาธิปัตย์จะสดับตรับฟังเกี่ยวกับการปรับ ครม.คือรอสัญญาณจากนายกฯ เพราะเป็นหน้าที่ของหัวหน้ารัฐบาลว่าอะไร อย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีอะไร เมื่อถามว่าจะมีการปรับตัวบุคคล หรือปรับเปลี่ยนกระทรวงที่ดูแลรับผิดชอบหรือไม่อย่างไร นายนิพนธ์กล่าวว่า การเจรจาในเรื่องกระทรวงต่างๆ ยังยึดตามตกลงเดิมคุยกับผู้ใหญ่ในรัฐบาล แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไร และพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลมา 1 ปี รัฐมนตรีของพรรคก็มีผลงาน ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันในคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค หากมีการส่งสัญญาณมาจริง พูดล่วงหน้าไปก็เสียหาย เพราะยังไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดต้องรอฟังในการประชุม กก.บห.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ ว่าจะมีใครหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือและมีประเด็นอะไรหรือไม่ ก็ต้องรอฟังตรงนั้นเพราะประชาธิปัตย์ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับว่า กก.บห.จะว่าอย่างไรในวันประชุม

จับตา 29 มิ.ย.เคาะประชุมใหญ่–ปรับ ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์วันที่ 29 มิ.ย. มีวาระพิจารณาที่สำคัญ 2 เรื่องคือ 1. การหารือเพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 เดิมกำหนดจัดประชุมวันที่ 7 มี.ค. แต่ต้องเลื่อนออกไปเพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไม่มีกำหนด แต่ขณะนี้สถานการณ์โควิดคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นมาก จึงสามารถจัดประชุมใหญ่ ตามกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดได้แล้ว จึงต้องมีการหารือเพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่พรรค 2.จะมีการหารือภายในกรรมการบริหารพรรคอย่างเป็นทางการถึงการปรับ ครม.ในสัดส่วนของพรรค หากมีการเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลเป็นรัฐมนตรี ต้องมีการนัดหากันในที่ประชุมร่วมของ กก.บห.และส.ส.ของพรรคตามธรรมเนียมประเพณีของพรรค

จ้องเขม็งผวาถูกริบโควตา รมต.

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในพรรคยังไม่ได้หยิบยกมาพูดคุยกัน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯยังไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ เป็นอำนาจของนายกฯ พรรคไม่ได้กังวลใดๆ เชื่อมั่นในรัฐมนตรีของพรรคที่ทุ่มเทให้พี่น้องประชาชน มีผลงานยึดหลักซื่อสัตย์สุจริต รมต.ของพรรคไม่มีเรื่องทุจริต เราไม่ได้กังวลการปรับ ครม.ขอยืนยันว่าไม่มีการขัดแย้งทั้งในส่วนของคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค ส.ส. อดีต ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส. รวมถึงตัวแทนพรรคทุกเขตเลือกตั้ง ส่วนสับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี พรรคแทบไม่ได้คุยเรื่องนี้ อย่างนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่มีกระแสข่าวว่าจะถูกปรับออก และให้นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นแทน คิดว่านายจุติทำงานเต็มที่ เป็นกระทรวงที่มีผลงานชัดเจน

ถอนตัวหรือไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้นก่อน

นายราเมศกล่าวอีกว่า ตามข้อบังคับพรรคการเลือก รมต.ใหม่เป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรค และต้องนำเข้าที่ประชุมร่วม กก.บห.และ ส.ส. เงื่อนไขเดิมสัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคมี 7 คน แต่ถ้าต้องถูกดึงเก้าอี้กลับ จะทำให้พรรคต้องถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ คงต้องรอให้ถึงวันนั้นก่อน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯระบุถึงแนวคิดการนิรโทษกรรม นายราเมศกล่าวว่า เรื่องนิรโทษกรรมต้องคุยกันด้วยความระมัดระวัง ต้องตามว่าคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรมเกี่ยวข้องกับฐานความผิดใดบ้าง ถ้าเป็นเหมือนสมัยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่เกี่ยวกับการทุจริต เผาบ้านเผาเมือง ฆ่าคน เรายอมไม่ได้ พรรคจะติดตามอย่างใกล้ชิด

“อี้” โต้เปลี่ยนหัวติงความในอย่านำออก

ด้านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ในฐานะโฆษกส่วนตัวของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคว่า ขอสื่อสารไปยังสมาชิกพรรคให้เชื่อมั่นเชื่อถือ และเชื่อมือการบริหารงานของนายจุรินทร์และ กก.บห.ทุกคน ที่ได้ร่วมกันผลักดันผลงานให้เป็นรูปธรรม ช่วงที่ผ่านมามองว่ามีแรงกระเพื่อมในพรรคนั้นยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเสาหลักการเมืองของไทย ยืนหยัดทำงานเพื่อประชาชน แน่นอนว่าหัวหน้าพรรคจะยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะกลไกไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ พรรคผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นสิบๆปี มีกลไกชัดเจนแน่นอน เรื่องเสรีนิยมและระเบียบวินัยต้องไปด้วยกัน ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่อะไรที่กระทบต่อพรรคก็ไม่ควร บางเรื่องควรพูดคุยกันเป็นการภายใน เหมือนโบราณว่าความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า ถ้าเกิดปัญหาควรคุยกันอย่างญาติมิตร นายจุรินทร์เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าไปปรึกษาหารือได้ตลอด และให้ทีมงานมอนิเตอร์สถานการณ์ที่กระทบต่อพรรค พรรคประชาธิปัตย์เกิดมรสุมครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง เชื่อว่าครั้งนี้จะผ่านไปได้

พท.เหน็บ รมต.ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายงจ่ายประจำปี 2564 ว่า อยากให้รัฐบาลนำเสนอว่าทำไมปีนี้ต้องตั้งงบฯ 3.3 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วทั้งที่ควรจะตั้งน้อยกว่า เนื่องจากมีการกู้เงินมาแก้ปัญหาโควิดจำนวนมาก รัฐบาลควรอธิบายเรื่องการหาเงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องนานกว่า 7 ปี เมื่อถามว่าประเมินการชี้แจงของรัฐบาลในสภาฯอย่างไรเพราะมีกระแสหนาหูว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีหลายคน เกี่ยวกับกระทรวงเศรษฐกิจ นายจิรายุกล่าวว่า กลัวว่าการชี้แจงงบประมาณจะไม่ได้น้ำได้เนื้อสักเท่าไหร่ เพราะรัฐมนตรีแต่ละคนที่มีข่าว คงไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้หนี้มหาศาลจะตกไปอยู่ที่ประชาชน นายกฯต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จี้รีบยำโผ ครม.ให้จบก่อนถกงบฯ

นายจิรายุกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรับ ครม.ควรมีความชัดเจนก่อนการพิจารณางบฯปี 64 เนื่องจากมีประสบการณ์ในอดีตมาแล้วว่ารัฐมนตรีที่จะโดนปรับออกมักจะไม่สนใจการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะถือว่าพูดไปก็จะเข้าตัวเองเนื่องจากในอนาคตไม่รู้จะได้บริหารต่อหรือไม่ และจะเห็นได้ว่าปีนี้หากนับรวมการกู้เงินเข้าไปด้วยรัฐบาลใช้เงินมหาศาลสูงถึง 5.2 ล้านล้านบาท ซึ่งพอพูดถึงวงเงินดังกล่าวแล้วถือว่าประเทศตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงทางการเงินอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ในการบริหารแผ่นดินของรัฐบาลไหนมาก่อน

พท.จัดทัพ 61 ส.ส.อภิปรายงบฯ ปี 64

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่จะมีการอภิปรายกันในการประชุมสภาฯวันที่ 1-3 ก.ค.ว่า เอกสารเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจำนวน 2 กล่องใหญ่ๆถึงมือ ส.ส. วันที่ 17 มิ.ย. ขณะนี้ ส.ส.แต่ละท่านอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด พรรคเพื่อไทยเปิดให้ ส.ส.ลงชื่ออภิปรายตอนนี้มีผู้ลงชื่อแล้วทั้งสิ้น 61 คน วันที่ 23 มิ.ย. พรรคจะเชิญเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณมาชี้แจงรายละเอียด เพื่อให้ ส.ส.ได้สอบถามข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ

เน้นไม่ให้จ่ายเลอะซ้ำซ้อนกันทุจริต

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า จากนั้นจะจัดกลุ่ม ส.ส.ที่จะอภิปรายเพื่อให้การอภิปรายไม่ซ้ำซ้อนตรงนี้จะทำให้ชัดเจนขึ้นว่าใครจะอภิปรายเรื่องใดกี่คน จากนั้นจะเปิดอบรมข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการอภิปราย เพื่อให้ได้เนื้อหาอภิปรายที่เป็นประโยชน์ที่สุด สำหรับการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงินที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้รับคำชมเกี่ยวกับเนื้อหาและเอกสารประกอบการอภิปรายเป็นอย่างมาก เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้ เราจะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่องที่จะเน้นในการอภิปรายครั้งนี้ จะเน้นไปที่ประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีแหล่งเงินที่นำไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆจำนวนมาก ทั้งงบประจำ พ.ร.ก.กู้เงิน และการโอนงบประมาณ เราจึงจะเน้นย้ำไม่ให้งบประมาณที่จะพิจารณาครั้งนี้ ไม่ให้มีการใช้จ่ายซ้ำซ้อน เพื่อประโยชน์สูงสุดและเป็นการป้องกันการทุจริตอีกทางหนึ่ง

“วันชัย” ขู่ร้อง ป.ป.ช.รื้ออาคารเก่าแก่

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวถึงการทุบทำลายทิ้งอาคารเก่าที่ทำการบริษัท บอมเบย์เบอร์มาในยุคการสัมปทานไม้ใน จ.แพร่ ว่า เป็นการทำร้ายจิตใจคนไทยทั้งประเทศ เป็นความเจ็บแค้นของนักอนุรักษ์ ทำกันแบบชุ่ยๆ ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ถือว่าเป็นการทำลายสมบัติของชาติ ไม่ควรจะปล่อยให้คนที่กระทำลอยนวลอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ต่อไปโดยไม่รู้สึกรู้สา แม้แต่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะบอกว่าจำเป็นต้องรื้อเพราะฐานรากอาคารมีปัญหา มันมีวิธีการใหม่ๆที่ปรับปรุงซ่อมแซมโดยไม่ต้องทำแบบนี้ คนที่มีความรับผิดชอบจะไม่ตอบแบบนี้ เพราะข้อมูลเชิงลึกจริงๆ เป็นการทำสัญญาให้รื้อ โดยไม่มีข้อกำหนดใดๆ ผู้รับเหมาเลยทำอย่างที่เห็น พอเกิดเรื่องก็แก้ตัวกันพัลวัน ในฐานะเป็นคณะ กมธ.ศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม และคณะ กมธ.ศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจริตและประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จะเร่งตรวจสอบทุกรูปแบบทุกมิติและผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง ทั้งสอบสวนและส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป และยังมี ส.ว.เตรียมตั้งกระทู้สด นำมาหารือในที่ประชุมวุฒิสภาไม่ให้เรื่องเงียบ ต้องการ เร่งรัดจัดการให้ทันต่อความรู้สึกของสังคม ใครทำผิดต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง รวดเร็ว แม้คุณไม่ใช่อาชญากรที่ฆ่าคน แต่คุณคือผู้ก่ออาชญากรรมที่ทำลายความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ

ปธ.กกต.เปิดหน่วย ลต.ซ่อมเขต 4 ลำปาง

อีกเรื่อง ที่หอประชุมโรงเรียนอนุบาลเกาะคา ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานเปิดหน่วยเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขต 4 และตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งที่ 9 โรงเรียนอนุบาลเกาะคา มีนายสิธิชัย จินดาหลวง รอง ผวจ.ลำปาง พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผบก.ภ.จ.ลำปาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสังเกตการณ์ สำหรับบรรยากาศในช่วงเปิดหีบเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประชาชนในเขตพื้นที่ต่างทยอยเดินทางออกมาใช้สิทธิ์อย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย ผ่านการตรวจคัดกรอง เว้นระยะห่าง และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หากพบผู้มาใช้สิทธิ์มีอุณหภูมิสูงเกิน 37.5 จะถูกแยกให้ไปใช้สิทธิ์ยังหน่วยเลือกตั้งพิเศษ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะรับตัวไปตรวจสอบว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคหรือไม่

คาดผู้ใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่าที่ผ่านมา

นายอิทธิพรกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.จัดเตรียมมาตรการป้องกันโควิด-19 เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เพิ่มหน่วยเลือกตั้งจากเดิม 320 หน่วยเป็น 386 หน่วย เพื่อลดความแออัด คาดว่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา ส่วนการร้องเรียนได้รับรายงานเพียงเรื่องเดียวในลักษณะกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นกลาง ขณะนี้มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนการนับคะแนนคาดว่าจะทราบผลไม่เป็นทางการเวลา 20.00 น. ด้านนางสมผล ศรีรัตน์ อายุ 78 ปี ผู้มาใช้สิทธิ์คนแรก เปิดเผยว่า ชื่นชอบระบอบประชาธิปไตยและความยุติธรรม ออกมาใช้สิทธิ์ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ขอชื่นชมมาตรการป้องกันโควิด-19 ถือว่าดีมากมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่

“วัฒนา” คว้าชัยทิ้งห่างคู่แข่งขาดลอย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ปิดหีบลงคะแนน เวลา 17.00 น. บรรยากาศการนับคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งมีประชาชนมาสังเกตการณ์ประปราย ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อเวลา 20.20 น. คิดเป็นร้อยละ 99.46 ผลปรากฏว่า นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 1 ได้คะแนน 61,811 คะแนน ทิ้งห่างลงแบบขาดลอยเอาชนะ ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ ผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทย เบอร์ 2 ที่ได้คะแนน 38,048 คะแนนตามมาเป็นอันดับที่ 2 และ น.ส.ปทิตตา ชัยมูลชื่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ หมายเลข 5 ได้คะแนน 2,200 คะแนน ทั้งนี้ มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิทั้งสิ้น 109,294 หรือคิดเป็นร้อยละ 67.13 เปอร์เซ็นต์

Let's block ads! (Why?)


June 21, 2020 at 05:25AM
https://ift.tt/3hGPOcV

ไลน์ถึงสมคิดยังไม่ ปรับ ครม. “ตู่” ระบุข่าวรายชื่อ โผ รมต.เลอะเทอะ - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2zlCrwM
Home To Blog

No comments:

Post a Comment